คนไทยขึ้นป้ายต้าน “มินอ่องหล่าย” กลางเจ้าพระยา สะท้อนเสียงไม่ต้อนรับผู้นำทหารเมียนมา ‎

• 2025-04-05
• Share

คนไทยขึ้นป้ายต้าน “มินอ่องหล่าย” กลางเจ้าพระยา สะท้อนเสียงไม่ต้อนรับผู้นำทหารเมียนมา

เมื่อวันที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อกลุ่มประชาชนชาวไทยได้ทำการขึ้นป้ายผ้าขนาดใหญ่บนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ใจกลางกรุงเทพฯ โดยมีข้อความภาษาอังกฤษว่า "We Do Not Welcome Murderer Min Aung Hlaing!" หรือแปลได้ว่า “พวกเราไม่ต้อนรับฆาตกร มิน อ่อง หล่าย” เพื่อแสดงออกถึงการไม่ยินดีในการมาเยือนไทยของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำทหารเมียนมา

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมประชุมและหารือในระดับผู้นำ ภาพการต้อนรับของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ทว่าพร้อมกันนั้น เสียงของประชาชนส่วนหนึ่งกลับดังกึกก้องในอีกทางหนึ่ง ด้วยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บนสะพาน ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนและสะท้อนจุดยืนของภาคประชาชนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการให้การต้อนรับผู้นำที่มีบทบาทในการใช้กำลังและละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศเมียนมา

นับตั้งแต่การรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี 2564 ที่นำโดย มิน อ่อง หล่าย ประชาคมระหว่างประเทศจำนวนมากได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง มีรายงานการใช้กำลังทหารปราบปรามผู้ประท้วง จับกุมประชาชนโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม และการละเมิดเสรีภาพขั้นพื้นฐานอย่างกว้างขวาง

ป้ายผ้าดังกล่าวจึงไม่ใช่เพียงแค่ผืนผ้าธรรมดา แต่สะท้อนถึงเสียงของผู้คนที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ไม่เพียงแต่ในไทย แต่ยังเป็นการแสดงความห่วงใยต่อประชาชนในเมียนมาด้วย นักเคลื่อนไหวบางรายให้สัมภาษณ์ว่า “นี่คือการส่งสารไปยังรัฐบาลไทยว่า การให้การต้อนรับผู้นำเผด็จการคือการเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดของเพื่อนบ้านเรา”

แม้ป้ายดังกล่าวจะถูกเจ้าหน้าที่นำออกในเวลาต่อมา แต่ภาพและข้อความได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ กลายเป็นประเด็นที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง และจุดประกายให้เกิดการถกเถียงในวงกว้างเกี่ยวกับบทบาทของรัฐบาลไทยในเวทีภูมิภาคและสิทธิมนุษยชน

เหตุการณ์นี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของพลังประชาชนที่ไม่อาจถูกมองข้าม และเป็นบทสะท้อนว่าความเงียบไม่ใช่ทางออกในการเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม